ด้วยความที่ 2 คำนี้มีความหมายคล้ายกัน จึงขออธิบายให้เข้าใจดังนี้ สำหรับ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” เปรียบเทียบได้กับกระเป๋าเงินที่ใช้เก็บเงินสด รวมทั้งข้าวของอื่น ๆ เช่น บัตรต่าง ๆ ดังนั้น Digital Wallet ก็คือ แอปพลิเคชันบนมือถือ-ซอฟต์แวร์บนเว็บไซต์ที่เราสามารถฝากเงินดิจิทัลเข้าบัญชี ส่วน “เงินดิจิทัล” ก็คือการนำเงินสดไปเปลี่ยนเป็นเงินดิจิทัล เพื่อโอนเข้า “กระเป๋าเงินดิจิทัล” นั่นเอง
เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Rabbit และ LINE pay ที่พัฒนาระบบการชำระเงินที่แสนง่ายและปลอดภัยผ่านแอปพลิเคชั่น Line ด้วยการเติมเงินเข้าบัญชีของคุณเพื่อทำการโอน ชำระเงิน หรือรับสิทธิพิเศษในรูปแบบของการสะสมแต้มต่างๆ
หากร้านค้าใดต้องการเพิ่มช่องทางการรับชำระผ่าน E-Wallet สามารถทำได้โดยติดต่อบริษัทผู้ให้บริการ E-Wallet โดยตรง เพื่อขอติดตั้งเครื่องรับชำระเงิน หรือ QR Code สำหรับสแกนชำระเงิน โดยขั้นตอนโดยทั่วไปมีดังนี้
TOYOTA Wallet คืออีกหนึ่งแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัลใหม่ล่าสุด ที่จะช่วยเพิ่มอิสระในการทำธุรกรรมออนไลน์ให้กับคุณได้มากกว่าที่เคย สามารถใช้ชำระค่าบริการที่ศูนย์บริการโตโยต้า ชำระค่างวดและค่าบริการโตโยต้า ลีซซิ่ง ค่าเช่าบริการ KINTO ไปจนถึงการใช้จ่ายผ่านร้านค้าที่ร่วมรายการได้อีกมากมาย ทั้งสะดวก ปลอดภัย ใช้ง่าย แถมได้สิทธิประโยชน์ดี ๆ มากกว่าการใช้จ่ายเงินสดตามปกติ โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คือ ตัวกลางที่ทำหน้าที่เสมือนกระเป๋าเงิน ใช้ในการแลกเปลี่ยน การชำระเงินต่าง ๆ ทั้งแบบใช้จ่ายโดยตรงในชีวิตประจำวัน หรือการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ โดยมีการนำเอาระบบเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) มาปรับใช้ร่วมด้วย เพื่อให้ใช้งานได้ครอบคลุมไปถึงสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin หรือสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ (Cryptocurrency) รวมถึงสามารถรองรับการใช้งานตามเงื่อนไขของสกุลเงินนั้น ๆ ได้อีกด้วย
mPay เป็นบริการ E wallet ที่เปิดให้บริการมานานจากค่ายโทรศัพท์มือถือ AIS ซึ่งให้ผู้ใช้งานสามารถโอนเงินแบบพร้อมเพย์ไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผูกไว้กับบัญชีได้ อีกทั้งยังสามารถทำการสแกน QR Code เพื่อใช้ชำระจ่ายสินค้าได้
คำว่า “ดิจิทัล วอลเล็ต” หรือ กระเป๋าเงินดิจิทัล กลายเป็นกระแสในประเทศไทย เพราะมีความเกี่ยวข้องกับนโยบายของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ดิจิทัล วอลเล็ต ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่ได้รู้จักกันอย่างแพร่หลายนัก วันนี้ OCEAN LIFE ไทยสมุทรจึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักดิจิทัล วอลเล็ตกันให้มากขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต
https://morlamfestival.com/ ixstatic.com/media/9fa129_443afc464d6d457e97445557fe84d338~mv2.png/v1/fill/w_1000,h_1000,al_c,q_90,usm_0.66_1.00_0.01/9fa129_443afc464d6d457e97445557fe84d338~mv2.png” alt=”กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ บัตร สวัสดิการแห่งรัฐ” />
คือ ตัวกลางที่ทำหน้าที่เสมือนกระเป๋าเงิน ใช้ในการแลกเปลี่ยน การชำระเงินต่าง ๆ ทั้งแบบใช้จ่ายโดยตรงในชีวิตประจำวัน หรือการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ โดยมีการนำเอาระบบเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) มาปรับใช้ร่วมด้วย เพื่อให้ใช้งานได้ครอบคลุมไปถึงสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin หรือสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ (Cryptocurrency) รวมถึงสามารถรองรับการใช้งานตามเงื่อนไขของสกุลเงินนั้น ๆ ได้อีกด้วย
mPay เป็นบริการ E wallet ที่เปิดให้บริการมานานจากค่ายโทรศัพท์มือถือ AIS ซึ่งให้ผู้ใช้งานสามารถโอนเงินแบบพร้อมเพย์ไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผูกไว้กับบัญชีได้ อีกทั้งยังสามารถทำการสแกน QR Code เพื่อใช้ชำระจ่ายสินค้าได้
คำว่า “ดิจิทัล วอลเล็ต” หรือ กระเป๋าเงินดิจิทัล กลายเป็นกระแสในประเทศไทย เพราะมีความเกี่ยวข้องกับนโยบายของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ดิจิทัล วอลเล็ต ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่ได้รู้จักกันอย่างแพร่หลายนัก วันนี้ OCEAN LIFE ไทยสมุทรจึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักดิจิทัล วอลเล็ตกันให้มากขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต
1. ผู้ที่ยืนยันตัวตนแล้วและยังมีชีวิต โอนเงิน e-Money คืนให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐในวันที่ 23 และ 24 พฤษภาคม 2567 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน หรือบัญชีเงินฝากธนาคารตามที่ผู้มีสิทธิแจ้งความประสงค์ในหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีร่วมกับบุคคลอื่น
ผู้ที่ยังไม่ยืนยันตัวตน ให้ยืนยันตัวตน ภายในวันที่ 26 เมษายน 2567 ที่ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา โดยจะทำการโอนเงิน e-Money คืนให้ กำหนดการที่ให้ผู้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐดำเนินการเพื่อรับคืนเงิน e-Money คงเหลือในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการเก่า
หรือหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีบุคคลอื่น สำหรับผู้ได้รับสิทธิโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (เฉพาะกรณีผู้พิการ/ผู้ป่วยติดเตียง/ผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ที่ไม่สามารถผูกพร้อมเพย์ได้) และทำการแก้ไขรายการที่โอนไม่สำเร็จ (Reject) จำนวน 1 ครั้ง ในวันที่ 21 มิถุนายน 2567
นโยบายการคลัง เป็นการดำเนินนโยบายของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นหรือชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยใช้เครื่องมือที่สำคัญของรัฐบาล คือ การใช้จ่ายของรัฐบาล (รายจ่าย) และการเก็บภาษี (รายได้) รวมถึงการก่อหนี้สาธารณะของรัฐบาล
บริการข้อมูลด้านเศรษฐกิจและการเงิน ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไปยังระบบหรือซอฟต์แวร์ของผู้ใช้บริการในรูปแบบการเชื่อมต่อข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถประมวลผลและใช้ประโยชน์ข้อมูลได้อย่างสะดวก คล่องตัว รวดเร็ว และมีความปลอดภัย
“กระเป๋าเงินดิจิทัล” คือ เหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิการใช้เงิน ไม่ใช่คริปโตเคอเรนซี ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิการใช้เงิน ที่ใช้ระบบบล็อกเชน เขียนเงื่อนไขลงไปในนั้น เพื่อนโยบายการคลังที่ตรงจุด
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 เวลา 14.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลสรุปการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 2/2566 ว่า ประเทศไทยต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จากหลายปัจจัย เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเติบโตเฉลี่ยเพียง 1.9% รั้งท้ายประเทศในกลุ่มอาเซียน ขณะที่ความเหลื่อมล้ำที่เรื้อรังยาวนานมากว่า 10 ปี ส่งผลให้การฟื้นตัวจากช่วงวิกฤตโควิดเป็นแบบ คนจนที่แย่อยู่แล้ว แย่ลงไปอีก ขณะที่คนรวยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นห่างจากคนฐานล่างไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ หนี้ครัวเรือนของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ 91% ของ GDP นับว่าสูงที่สุดในประวัติการณ์ ซึ่งหนี้เหล่านี้เป็นหนี้ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้ คือไม่ได้นำไปใช้ลงทุนค้าขาย ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข ประชาชนจะไม่มีรายได้มากขึ้น ตลอดจนภาคการผลิตที่มีอัตราการผลิตของประเทศลดลง และอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพที่ประเทศสามารถทำได้ เมื่อผลิตน้อย ก็ต้องการคนไปทำงานน้อย ส่งผลให้หลายคนตกงาน และทำให้มีรายได้น้อยลง ซื้อสินค้าน้อยลง ส่งผลวนกลับไปที่โรงงานที่จะสามารถผลิตสินค้าน้อยลงไปอีก เกิดเป็นวงจรถดถอยทางเศรษฐกิจที่มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการกระตุ้นแก้ไข ผนวกกับปัจจัยภายนอกรุมเร้า อาทิ สภาวะสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยาวนานต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน สถานการณ์การสู้รบในบริเวณอิสราเอลและฉนวนกาซ่า ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในจุดเปราะบาง รวมถึงตลาดทั่วโลกเองก็ได้รับผลกระทบจากสถาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย นายเศรษฐา กล่าวว่า นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล คือการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบ ให้เข้าถึงทุกพื้นที่ เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยการอัดฉีดครั้งแรกมีระยะเวลา 6 เดือนเพื่อให้เงินมีการหมุนเวียน และสามารถใช้จับจ่ายต่อได้จนถึงเดือนเมษาปี 2570 เป็นการลงทุนที่มอบสิทธิและอำนาจให้กับประชาชนช่วยกันกอบกู้เศรษฐกิจ ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุนในภาคประชาชน ทั้งการรวมเงินในครัวเรือนเพื่อประกอบอาชีพ การซื้อ-ขายสินค้าของพ่อค้าแม่ค้า ไปจนถึงการสั่งผลิตสินค้าในโรงงาน SME ไปจนถึงโรงงานขนาดใหญ่ “เงินดิจิทัลวอลเล็ตก้อนนี้ไม่ได้มาจากการเสกเงิน สร้างเงิน พิมพ์เงิน หรือออกเหรียญผ่าน Initial Coin Offering แต่อย่างใด พูดให้ชัดๆว่า ไม่ได้มีการเขียนโปรแกรมสร้างเงินเหมือน Cryptocurrency ต่างๆ และไม่ได้เป็นการนำเงินไปซื้อเหรียญมาแจก และนำไปเทรด แลกเปลี่ยน โอนให้กันและกัน เก็งกำไรไม่ได้ ย้ำนะครับ ไม่มีการนำไปเทรดบน Exchange ทั้งหลายตลาดหลักทรัพย์ ตลาด crypto ใดๆทั้งสิ้น เงินตัวนี้จะมีที่มาจากเงินบาท และมีมูลค่าเป็นเงินบาท ที่มีเงื่อนไขในการใช้งาน เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจสูงกว่าอัดฉีดที่ผ่านมา เพราะฉะนั้น เงิน 1 บาทในโครงการนี้ ก็คือ 1 บาทในกระเป๋าเงินของทุกท่าน ที่สามารถใช้จ่ายได้ โครงการนี้ต้องมีการลงทะเบียนรับสิทธิ ทั้งร้านค้าและยืนยันรับสิทธิโดยประชาชนครับ” นายเศรษฐา ระบุ นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า เรื่องของเงื่อนไข ซื้ออะไรได้ ไม่ได้ ตนขอพูดตรงนี้ให้ชัด คือ ประชาชนจะสามารถจะใช้ซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภค บริโภคได้เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับบริการได้ ไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ได้ ไม่สามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม และผลิตภัณฑ์จากกัญชาและพืชกระท่อม ไม่สามารถนำไปซื้อบัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชร พลอย อัญมณีได้ ไม่สามารถนำไปชำระหนี้ได้ ไม่สามารถจ่ายค่าเรียน ค่าเทอมได้ ไม่สามารถนำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติได้ แลกเป็นเงินสดไม่ได้ แลกเปลี่ยนในตลาดต่างๆ ไม่ได้ และใช้ได้กับร้านค้าที่อยู่ในอำเภอเดียวกับบัตรประชาชนเท่านั้น โดยสามารถใช้ซื้อสินค้าได้ทุกร้านค้า ไม่ได้จำกัดแต่ร้านที่อยู่ในระบบภาษี ไม่จำเป็นต้องจด VAT แต่ต้องมีการลงทะเบียนรับสิทธิ และร้านค้าที่จะขึ้นเงินได้ต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น ไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ แอลกอฮอล์ เหล้า สุรา บุหรี่ได้ และไม่สามารถนำไปชำระหนี้ รวมถึงแลกเป็นเงินสดไม่ได้ ทั้งนี้ มีการปรับหลักเกณฑ์ของผู้ได้รับสิทธิเป็นประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป และมีเงินเดือนต่ำกว่า 70,000 บาท หรือมีเงินในบัญชีรวมกันน้อยกว่า 500,000 บาท คิดเป็นจำนวนประชากรผู้ได้รับจำนวน 50,000,000 คน ตามคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทยและสภาพัฒน์ เนื่องจากข้อมูลของหลายโครงการในอดีตแสดงให้เห็นว่าคนกลุ่มรายได้ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากกว่าอีกกลุ่มอย่างมีนัยยะสำคัญ และผมขอย้ำว่า โครงการจะไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อตามที่หลายฝ่ายกังวล เพราะสถานการณ์เงินเฟ้อในปัจจุบันของไทย อยู่ในสภาวะที่ต่ำอยู่แล้ว นายเศรษฐายังได้ชี้แจงรายละเอียดที่มาของงบประมาณโครงการด้วยว่า คำตอบที่เป็นไปได้มากที่สุดในการดำเนินนโยบายนี้ คือการออก พรบ.เป็นวงเงิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งมีความโปร่งใส ภายใต้การตรวจสอบถ่วงดุลในระบบรัฐสภา ซึ่งตนมั่นใจว่า จะได้รับการอนุมัติโดยรัฐสภา และเป็นไปตามมาตรา 53 พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 พรบ.การกู้เงินดังกล่าวจะระบุวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน ระยะเวลาในการกู้เงิน แผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ วงเงินที่อนุญาตให้ใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินแผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ในโครงการ Digital Wallet ให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และรัฐบาลจะทำการกู้เงิน ก็ต่อเมื่อ มีการนำเงินไปใช้และนำมาขึ้นเป็นเงินสด ซึ่งนี่จะเป็นการทำให้เงินในระบบทั้งหมดใหญ่ขึ้นกว่า 500,000 ล้าน ซึ่งจะหมุนเวียนและกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยยะ ผสมกับงบประมาณ 100,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการที่กล่าวไปทั้งหมด ทุกท่านไม่ต้องห่วงเรื่องของการใช้เงินคืน รัฐบาลจะมีแผนจัดสรรเงินงบประมาณมาเพื่อจ่ายคืนเงินส่วนที่เป็นเงินกู้ตลอดระยะเวลา 4 ปี นายเศรษฐายังได้เสนอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะยาวเพิ่มเติมจากกระเป๋าเงินดิจิทัล อีก 2 นโยบาย คือ นโยบาย e-refund เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายร้านค้าออนไลน์ และกองทุนเพิ่มขีดความสามารถ เพื่อนำมาต่อยอดอุตสาหกรรมใหม่ๆของประเทศ เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมดิจิทัล การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การพัฒนาบุคลากรและการศึกษา เป็นต้น “นโยบาย Digital Wallet ไม่ใช่การสงเคราะห์ประชาชนผู้ยากไร้ แต่เป็นการเติมเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจผ่านสิทธิการใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนมีบทบาทร่วมกับรัฐบาล (Partnership) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ผ่านสิทธิการใช้จ่าย 10,000 บาทครับ” นายเศรษฐา กล่าว
เป็นคำยืนยันจากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ครั้งแรก ท่ามกลางกระแสทวงสัญญาเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัลคนละ 1 หมื่นบาท เพื่อใช้ซื้อสินค้าในร้านค้าใกล้บ้าน สำหรับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป หรือประมาณ 55 ล้านคนทั่วประเทศ วงเงินงบประมาณ 5 แสน 6 หมื่นล้านบาทพรรคเพื่อไทย ระบุถึงแผนโครงการนี้จะต้องใช้เวลาในการเตรียมการ 6 เดือนนับจากนี้ หรือถึงเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งการวางระบบดิจิทัลบล็อกเชนและประสานร้านค้า ส่วนอีกด้านคือการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ 2567 ที่ต้องนำส่วนหนึ่งมาใช้ในโครงการนี้ด้วยขณะที่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กสทช. พรรคเพื่อไทย และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เตือนประชาชน หลังพบมิจฉาชีพ ปลอมแปลง แอบอ้าง สร้างแอปพลิเคชั่นปลอมขึ้นมาเพื่อดูดเงินประชาชนและในรูปแบบอื่นๆ จากนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยมีผู้โหลดแอปพลิเคชั่นหลอกลวง กว่า 1 พันครั้ง