1. ผู้ที่ยืนยันตัวตนแล้วและยังมีชีวิต โอนเงิน e-Money คืนให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐในวันที่ 23 และ 24 พฤษภาคม 2567 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน หรือบัญชีเงินฝากธนาคารตามที่ผู้มีสิทธิแจ้งความประสงค์ในหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีร่วมกับบุคคลอื่น
1. https://morlamfestival.com/rhetoric-rules-history/ ผู้ที่ยืนยันตัวตนแล้วและยังมีชีวิต โอนเงิน e-Money คืนให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐในวันที่ 23 และ 24 พฤษภาคม 2567 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน หรือบัญชีเงินฝากธนาคารตามที่ผู้มีสิทธิแจ้งความประสงค์ในหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีร่วมกับบุคคลอื่น หรือหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีบุคคลอื่น
จึงขอให้ผู้มีสิทธิ ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 19 มิ.ย. 67 หรือยื่นหนังสือยินยอมฯ ที่สำนักงานคลังจังหวัดหรือกรมบัญชีกลางภายในวันที่ 31 พ.ค. 67 เพื่อรับเงิน e-Money คงเหลือ โดยจะทำการแก้ไขรายการโอนที่ไม่สำเร็จ (Reject) ครั้งสุดท้ายในวันที่ 21 มิ.ย. 67 หากยังโอนไม่สำเร็จ จะส่งเงินคืนกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
สำหรับผู้ได้รับสิทธิโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (เฉพาะกรณีผู้พิการ/ผู้ป่วยติดเตียง/ผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ที่ไม่สามารถผูกพร้อมเพย์ได้) และทำการแก้ไขรายการที่โอนไม่สำเร็จ (Reject) จำนวน 1 ครั้ง ในวันที่ 21 มิถุนายน 2567
หากร้านค้าใดต้องการเพิ่มช่องทางการรับชำระผ่าน E-Wallet สามารถทำได้โดยติดต่อบริษัทผู้ให้บริการ E-Wallet โดยตรง เพื่อขอติดตั้งเครื่องรับชำระเงิน หรือ QR Code สำหรับสแกนชำระเงิน โดยขั้นตอนโดยทั่วไปมีดังนี้
บ่อยครั้งที่ e-wallet มักนำเสนอบริการและการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถชำระเงินค่าสมัครสมาชิกออนไลน์, การซื้อในแอปฯ, ตลอดจนสินค้าและบริการดิจิทัลอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น ผ่านทาง e-wallet โดยไม่ต้องไปหาช่องทางอื่นให้ยุ่งยาก
ปัจจุบัน รูปแบบของการชําระเงินค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ มีทั้งเในรูปแบบเก่า จ่ายเงินสด การโอนเงินระหว่างบัญชีของผู้ชื้อและผู้ขาย หรือ เป็นรูปแบบของการชําระค่าสินค้าผ่านตัวกลางทางการเงิน เช่น การตัดบัญชีบัตรเครดิต หรือการชําระเงินด้รับความนิยมในปัจจุบัน เช่น การชําระผ่านเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่วนใหญ่เรียกทับศัพท์เป็น e-money / e-wallet หรือการชําระผ่านเงินดิจิทัล วันนี้เราจะมารู้ความแตกต่างระหว่าง “เงินอิเล็กทรอนิกส์ – เงินดิจิทัล”
การรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน จะช่วยให้การออกกฎหมายและกฎเกณฑ์ ของ ธปท. ไม่สร้างภาระแก่ภาคธุรกิจและประชาชนเกินความจำเป็น และยังสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของการออกกฎหมายและกฎเกณฑ์
ก่อนหน้านี้ข่าวเงินดิจิตอลหนึ่งหมื่นได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่ากระเป๋าเงินดิจิตอลคืออะไร มีข้อดีเป็นยังไง ปลอดภัยไหม มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้รวบรวม “ความรู้ทั่วไป” ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาให้แล้ว
อย่างเช่น ผู้ให้บริการ Payment Gateway ยักษ์ใหญ่อย่าง Ksher ที่จะช่วยปรับเปลี่ยนระบบการชำระเงินของร้านค้าให้ง่ายขึ้น ด้วยระบบออนไลน์และออฟไลน์ที่เหมาะสำหรับลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า โรงแรม บริษัทท่องเที่ยว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้กระทั่งโรงเรียนก็สามารถใช้งานได้ แถมยังเชื่อมต่อกับ e-wallet หลายๆผู้ให้บริการ เช่น TrueMoney wallet, Rabbit LINE pay, WeChat pay, AliPay, ShopeePay และพร้อมเพย์ นอกจากนี้ยังสามารถผูกบัตรเครดิตและเดบิต ไม่ว่าจะเป็น Visa, Mastercard, JCB หรือ Unionpay ก็ได้ด้วย ซึ่งทำให้ระบบการชำระเงินของร้านค้าของคุณง่ายขึ้นเป็นอีกเท่าตัว
E-wallet หลายๆ ตัวมักมาพร้อมกับเครื่องมือจัดทำงบประมาณและประวัติการทำธุรกรรมในแอปฯ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น, รูปแบบการใช้จ่ายต่างๆ, และวางแผนงบประมาณได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนำไปสู่การจัดการทางการเงินที่ดีขึ้นในอนาคต
ทุกวันนี้ e-wallet จำนวนมากรองรับการชำระเงินแบบ contactless ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่การชำระเงินแบบ contactless ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดการสัมผัสระหว่างบุคคล ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพและความปลอดภัยอีกด้วย
หลังจากในปี 2008 ที่ Satoshi Nakamoto สร้างสกุลเงินดิจิทัลที่มีชื่อว่า Bitcoin ขึ้นมาโดยมีจำนวนเหรียญทั้งหมด 21 ล้าน Bitcoin สาเหตุหนึ่งก็เพื่อต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในเรื่องของเงินเฟ้อในอนาคต พอเมื่อเวลาผ่านไปความต้องการ Bitcoin ที่เพิ่มมากขึ้นจากหลายเหตุผลในขณะที่จำนวนเหรียญมีอย่างจำกัด ราคา Bitcoin จึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ในฐานะของนักลงทุนที่มีความสนใจในสินทรัพย์ชนิดใหม่นี้ การพิจารณาและคำนึงถึงการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลจึงมีความสำคัญไม่แพ้กันครับ
อย่างเช่น ผู้ให้บริการ Payment Gateway ยักษ์ใหญ่อย่าง Ksher ที่จะช่วยปรับเปลี่ยนระบบการชำระเงินของร้านค้าให้ง่ายขึ้น ด้วยระบบออนไลน์และออฟไลน์ที่เหมาะสำหรับลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า โรงแรม บริษัทท่องเที่ยว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้กระทั่งโรงเรียนก็สามารถใช้งานได้ แถมยังเชื่อมต่อกับ e-wallet หลายๆผู้ให้บริการ เช่น TrueMoney wallet, Rabbit LINE pay, WeChat pay, AliPay, ShopeePay และพร้อมเพย์ นอกจากนี้ยังสามารถผูกบัตรเครดิตและเดบิต ไม่ว่าจะเป็น Visa, Mastercard, JCB หรือ Unionpay ก็ได้ด้วย ซึ่งทำให้ระบบการชำระเงินของร้านค้าของคุณง่ายขึ้นเป็นอีกเท่าตัว
E-wallet หลายๆ ตัวมักมาพร้อมกับเครื่องมือจัดทำงบประมาณและประวัติการทำธุรกรรมในแอปฯ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น, รูปแบบการใช้จ่ายต่างๆ, และวางแผนงบประมาณได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนำไปสู่การจัดการทางการเงินที่ดีขึ้นในอนาคต
จากเดิมที่ใครสักคนอยากเปิดบัญชีธนาคารเพื่อไว้ใช้โอนเงินหรือชำระค่าสิ่งของ พวกเขาจะต้องไปเปิดบัญชีที่สาขาธนาคารเพื่อทำเรื่องต่างๆ แต่ขั้นตอนเหล่านั้นจะลดน้อยลงมาก เพราะไม่ว่าใครก็สมัครใช้งาน e-wallet ได้โดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร จากนั้นจะเก็บเงิน, ชำระเงิน, และเข้าถึงบริการทางการเงินอื่นๆ ก็ทำได้ง่ายและเข้าถึงโอกาสทางการเงินต่างๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
เริ่มต้นกันด้วยประโยชน์ข้อแรกของ e-wallet ที่ช่วยให้เราทุกคนสามารถทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ เช่น ช็อปปิ้งออนไลน์, จ่ายบิลค่าน้ำค่าไฟ, และการโอนเงินให้ใครสักคน ผ่านทางสมาร์ตโฟนหรืออุปกรณ์ดิจิทัลอื่นๆ ได้จากทุกที่และทุกเวลา
หลายคนคุ้นเคยกับ LINE Pay ที่มีมาสคอตเป็นเจ้าน้องหมีบราวน์กับกระต่ายน้อยโคนี่สุดน่ารัก แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ e-wallet นี้คว้าที่ 2 ไป แต่จริงๆ แล้วมาจากการที่ LINE อันเป็นแพลตฟอร์มรับส่งข้อความที่คนไทยใช้งานเป็นอันดับ 1 ซึ่งได้รวมฟีเจอร์ในการชำระเงินเอาไว้ในแอปฯ นั้น เพื่อที่ผู้ใช้งานจะได้ชำระเงินค่าต่างๆ ได้ทั้งแบบ offline และ online ด้วยการสแกนหรือโชว์ QR code ของตัวเองที่จุดชำระเงินก็ได้
ปัจจุบันตลาด e-wallet ในไทยเรามี e-wallet อยู่หลายตัวให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ โดยมี digital wallet หลายตัวที่พวกเราคุ้นเคยกันดี ซึ่งเราจะมาดูไปพร้อมกันว่าบรรดากระเป๋าดิจิทัลเหล่านี้มีรายละเอียดแตกต่างกันในจุดไหนบ้าง
– จ่ายบิล ได้ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ค่าน้ำ(นครหลวง, ภูมิภาค) ค่าไฟฟ้า (นครหลวง, ภูมิภาค) ค่าโทรศัพท์ ค่าบัตรเครดิต รวมไปถึงบิลภาครัฐต่างๆ เช่น เงินกู้ กยศ. ค่าปรับจราจร